ม้า

แหล่งรวมข้อมูลเกี่ยวกับ ม้า ไม่ว่าจะเป็นความเป็นมาของม้า วิธีการเลี้ยงม้า รวมถึงข้อมูลน่ารู้ต่าง ที่น่าสนใจเกี่ยวกับม้า นอกจากนี้ ยังรวมไปถึง เกร็ดน่ารู้ต่างๆ ที่เกี่ยว หรือ ไม่เกี่ยวกับ ม้า ก็่ตาม

Monday 19 December 2011

พระขี่ม้าบินฑบาตร


พระขี่ม้าบินฑบาตร

พระขี่ม้าบินฑบาตร สามารถพบได้ที่ สำนักปฏิบัติธรรม ถ้ำป่าอาชาทอง ซึ่งอยู่ในถิ่นกันดารห่างไกลคมนาคม บนดอยสูง บ้านแม่คำ ตำบล ศรีค้ำ อำเภอ แม่จัน จังหวัด เชียงราย โดยที่ลานพระแก้ว ทุก ๆ เช้า ท่านพระครูบาเหนือชัย ท่านจะออกมารับบิณฑบาตรตั้งแต่เวลาประมาณ 07.00 - 07.30

สิ่งที่พระที่นี้ต้องขี่ม้าบินฑบาตร ด้วยที่ตั้งอันห่างไกลจากหมู่บ้าน ทำให้การออกไปบิณฑบาตร ในแต่ละเช้ามีความยากลำบาก เรื่องระยะทางเพราะแต่ละหมู่บ้านที่ออกบิณฑบาตรนั้นล้วน แต่อยู่ไกลจากวัดทั้งสิ้น ทำให้ ครูบาเหนือชัย พระ และ เณร ขี่ม้าบิณฑบาตร ซึ่งหมู่บ้านที่ไกลที่สุดอยู่หางจากวัดประมาณ 10 กิโลเมตร โดยทางส่วนใหญ่เป็นภูเขาและท้องนา ถึงแม้ว่าหมู่บ้านแต่ละหมู่บ้านจะไม่ได้อยู่ทางเดียวกัน ก็ไม่ได้ทำให้พระ เณร ย่อท้อแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามกลับรู้สึกว่า ยิ่งห่างไกลยิ่งต้องไป ไปเพื่อเผยแผพระพุทธศาสนา

สำหรับของตักบาตรหากใครลืมซื้อ สามารถหาซื้อได้บริเวณวัดถ้ำป่าอาชาทอง เนื่องจากมีชาวบ้านนำอาหารแห้งมาขายให้สำหรับนักท่องเที่ยว

Wednesday 5 October 2011

Horse Saddle อุปกรณ์ขี่ม้า : อานม้า

อานม้า

อานม้า เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญมากชิ้นหนึ่งที่ใช้สำหรับในการขี่ม้า อานม้านั้นมีประวัติการใช้ที่ยาวนาน พอๆกับการขี่ม้า ซึ่งเริ่มต้นเมื่อเกือบ 3000 ปีก่อน ในช่วงแรก ที่คนเราเริ่มนำม้ามาใช้เป็นพาหนะ ได้มีการนำสิ่งที่ใช้รองนั่งแบบเรียบง่าย เพื่อความสบายในการขี่ม้า อานม้าได้มีการพัฒนาต่อมาเพื่อให้เหมือนสมกับการขี่ม้าในลักษณะต่างๆ ให้เหมาะสม ยกตัวอย่าง เช่น ในการสงคราม ได้นำเอาไม้ เข้ามาเป็นส่วนประกอบ ของอานม้า เพื่อให้อานม้ามีความแข็งแรง และมีพนักอานที่สูง ทำให้ผู้ขี่ไม่ตกจากหนังม้าได้ง่ายในระหว่างการต่อสู้ รวมถึงความทนทานที่ต้องรับน้ำหนักผู้ขี่และอาวุธต่างๆ เป็นต้น สำหรับ อานม้ารูปแบบลักษณะที่เห็นกันในปัจจุบันนั้นมีใช้กันมาประมาณ ร้อยกว่าปีนี้เอง

ในปัจจุบัน อานม้านั้น แบ่งเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ แบบ อังกฤษ และ แบบ ตะวันตก โดยแบบอังกฤษนั้นเป็นแบบที่ใช้กันโดยทั่วๆไป ไม่เฉพาะในอังกฤษเท่านั้น โดยอานม้าแบบนี้ สามารถพบเห็นได้ในการแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆ การแข่งม้า การขี่ม้ากระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง กีฬาโปโล ฯลฯ สำหรับอานม้าแบบ ตะวันตก นั้นเป็นอานมาที่ถูกพัฒนาสำหรับม้าที่ใช้งานในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งอานม้าแบบนี้เป็นอานม้าที่พบเห็นได้ในหนังประเภท คาวบอย นั้นเอง โดยอานม้าแบบตะวันตก จะไม่มีกันกระแทกด้านใต้อานม้า ซึ่งจำเป็นต้องใช้คู่กับเบาะรองด้านใต้



การดูแลรักษาอานม้า
อานม้าในปัจจุบันนั้น จะมีหนังเป็นส่วนประกอบ โดยการเก็บรักษาอานม้า ควรคลุมให้มิดชิดเพื่อป้องกันฝุ่น และควรเก็บในที่ที่มีอุณหภูมิไม่สูงเกินไป และไม่อับชื้น ถ้าอานม้าเปียกน้ำ ควรที่จะเช็ดให้แห้ง และปล่อยไว้ให้แห้งเอง โดยไม่ใช้ความร้อนช่วย เพราะจะทำให้หนังเสื่อมสภาพได้เร็ว การทำความสะอาดนั้นมีความจำเป็นเป็นอย่างมาก โดยควรที่จะทำความสะอาดทุกครั้งหลังการใช้งานโดยการเช็ดด้วยผ้าที่เปียกหมาดๆ ทำความสะอาดฝุ่นและเหงื่อ และควรทำความสะอาดที่มากขึ้น หนังจากใช้งานมา 5-6 ครั้ง ด้วยน้ำยาทำความสะอาดหนัง และ ควรใช้ สารบำรุงรักษาเครื่องหนังทุกครั้งหลังการทำความสะอาด

Wednesday 17 August 2011

รถม้าลำปาง

รถม้าลำปาง

ถ้าพูดถึงรถม้าแล้วละก็ หลายคนคงต้องนึกถึงรถม้าเมืองลำปางเป็นแน่ ด้วยในปัจจุบัน รถม้าที่มีใช้ หรือให้บริการอยู่ในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะเหลืออยู่ให้เห็นได้เฉพาะที่ตัวเมือง จังหวัดลำปาง เท่านั้น ซึ่งรถม้าก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ ประจำจังหวัดลำปางในที่สุด ปัจจุบัน รถม้าในจังหวัดลำปางมีจำนวนลดลงมาก เหลือวิ่งอยู่จริงเพียงประมาณ 50 คัน เท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นรถม้า ที่ให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยว ที่ต้องการเช่านั่งรถม้าชมรอบตัวเมืองลำปาง

ประวัติรถม้าลำปาง
รถม้าลำปางนั้นมีจุดเริ่มต้นขึ้นเมื่อประมาณ 100 ปี ที่แล้ว ในปี พ.ศ. 2458 ซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อจังหวัดลำปางเริ่มมีรถม้า โดยรถม้าคันแรกนั้นซื้อมาจากกรุงเทพ โดยเจ้าบุญวาทย์วงศ์มานิตย์ เจ้าผู้ครองนครลำปางองค์สุดท้าย ด้วยช่วงนั้น เป็นช่วงที่วิวัฒนาการ ทางด้านการคมนาคม ขนส่ง จากทางยุโรป ได้มีบทบาทมากขึ้น ทำให้ในกรุงเทพ ได้เริ่มมีการใช้รถยนต์ จากต่างประเทศมากขึ้น และด้วยความนิยมในการใช้รถยนต์ในกรุงเทพมีมากขึ้น ทำให้การขนส่งโดยใช้รถม้า มีบทบาทลดลง ผู้ประกอบกิจการรถม้าหลายราย ได้เริ่มอพยบย้ายไปประกอบกิจการในหัวเมืองต่างๆ กระจายกันออกไป ในหลายภาคของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น เชียงใหม่ เชียงราย นครศรีธรรมราช นครราชสีมา และ จังหวัดอื่นๆ รวมถึงลำปาง แต่ด้วยความเจริญทางการคมนาคม ที่เพิ่มมากขึ้นและกระจายออกจากกรุงเทพ ทำให้การใช้รถม้าในจังหวัดต่างๆ ลดลงไปและเลิกใช้ในที่สุด มีเพียงจังหวัดลำปางเท่านั้นที่ ยังนิยมใช้รถม้า เพราะเป็นเมือศูนย์กลางการขนส่งสินค้าไปยังจังหวัดต่างๆ ในภาคเหนือในขณะนั้น ซึ่งทำให้ยังพบเห็นรถม้า ในจังหวัดลำปางได้ในปัจจุบัน

รถม้าลำปางในปัจจุบัน
ปัจจุบัน รถม้าในจังหวัดลำปาง มีให้เห็นเฉพาะ รถม้าบริการสำหรับนักท่องเที่ยวนั้น สำหรับอัตตราค่าบริการ รถม้าชมรอบเมืองลำปางนั้น มีตั้งแต่ราคา 150 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับเส้นทาง และเวลาที่ใช้ การนั่งรถม้าชมเมืองลำปางนั้น เวลาที่เหมาะสมคือ ในช่วงเช้า ที่แดดไม่ร้อนเกินไป และรถยนต์ยังออกมาวิ่งไม่เยอะ และ ช่วงเย็น – ช่วงค่ำ ที่จะได้ชมนครลำปางยามค่ำคืน ได้บรรยากาศที่แตกต่างออกไป อีกแบบหนึ่ง

สำหรับท่าจอดรถม้าเมืองลำปางนั้น ตั้งอยู่บนถนน บุญวาทย์ ข้างศาลากลางจังหัวด ตรงข้ามกับ สภอ. ลำปาง สำหรับเวลาค่ำจะมีรถม้าจอดบริการ ตามบริเวณหน้าโรงแรมที่พักต่างๆ ในตัวจังหวัดอีกด้วย

Thursday 4 August 2011

การขี่ม้า ขั้นเริ่มต้น

การขี่ม้านั้นเป็นสิ่งที่สร้างความสนุกสนานและความตื่นเต้นได้เป็นอย่างดี การขี่ม้านั้นมีหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขัน หรือ เป็นการกีฬาต่างๆ การขี่เล่นเพื่อการพักผ่อน แม้แต่ใช้ในการเดินทาง การขี่ม้านั้นแบ่งเป็นสองประเภทใหญ่ๆ คือ ประเภท English และ Western ซึ่งจะขี่ไม่เหมือนกัน ต่างกันที่อุปกรณ์ และการบังคับม้า ซึ่งม้าที่ใช้ขี่ในแต่ละแบบ ก็จะต้องผ่านการฝึกมาไม่เหมือนกัน

ก่อนที่จะเริ่มการขี่ม้านั้นแนะนำว่าถ้าท่านต้องการเรียนรู้วิธีการขี้ม้า คุณควรมีผู้ที่มีประสบการณ์ในการสอน เพราะการขี่ม้าถึงจะดูไม่ยากเย็นนัก แต่ก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด การขี่ม้านั้นมีอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นชุดในการขี่ม้าที่เหมาะสม กันประเภทและวัตถุประสงค์ รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ เช่น อานม้า บังเหียน ซึ่งก็จะมีหลากหลายแบบตามประเภทของการขี่ม้า ฯลฯ

ก่อนอื่นต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการขี่ม้าก่อน โดยเริ่มที่ชุดสำหรับขี่ม้า การขี่ม้าเป็น กิจกรรมที่ค่อนข้างที่จะอันตราย ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องใส่ชุดที่เหมาะสม ซึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ และจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการขี่ม้า ก็คือ หมวกกันน็อค ซึ่งจะช่วยได้อย่างมากถ้าเกิดตกจากหลังม้า สำหรับเสื้อนั้นควรที่จะเป็นชุดที่ค่อนข้างพอดีตัว ไม่ลุ่มล่าม รองเท้าสำหรับขี่ม้าควรเป็นรองเท้าที่มีส้นเล็กน้อย เพื่อง่ายต่อการขึ้นลงจากหลังม้า แม้แต่ชุดชั้นใน ในต่างประเทศบางประเทศ มีการผลิตชุดชั้นในสำหรับใส่ขี่ม้าโดยเฉพาะเช่นกัน สำหรับสีของเสื้อผ้าที่ใช้ขี่ม้านั้น ถ้าไม่ได้ขี่ในการแข่งขันกีฬาบางชนิด เช่น กระโดนข้ามรั้ว ขี่ม้าสวยงาม ก็จะไม่มีการกำหนดสีเสื้อผ้าที่จำเป็นต้องใส่ในการขี่ม้า

ก่อนที่จะขึ้นหลังม้า ได้นั้นจำเป็นที่จะต้องขึ้นไปบนหลังม้าให้ได้ก่อน สิ่งที่ต้องระวังเป็นอย่างมากคือ อย่าอยู่ด้านหลังม้า เพราะนั้นอาจจะทำให้ม้าตกใจและทำร้ายคุณได้ ซึ่งปรกติแล้วการขึ้นม้านั้นจะขี้นทางด้านซ้ายของม้า แต่ก่อนที่จะขึ้นขี่ม้านั้น จะต้องตรวจเช็กอุปกรณ์ต่างๆ ว่าอยู่ในสะภาพที่สมบูรณ์ ดีหรือไม่ และ อุปกรณ์ติดกับตัวม้าได้อย่างแน่หนาหรือไม่ สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มขี่ม้า ควรมีผู้ที่มีประสบการณ์ในการขี่ม้าช่วยตรวจตราอุปกรณ์ต่างๆให้ เพราะจำเป็นที่จะต้องติดตั้งอุปกรณ์ อานม้า ต่างๆให้แน่นพอเหมาะ ไม่ให้หลวมจนทำให้หลุดเลื่อนได้ง่าย แต่ก็ไม่ให้แน่นเกินไปจนทำให้ม้าบาดเจ็บ ในการขึ้นหลังม้านั้น ควรที่จะลูบคอม้าก่อน เพื่อเป็นการบอกกล่าวก่อนที่จะขึ้นหลังม้า เป็นการทำให้ม้าไม่ตกใจ(แล้วแต่ม้าที่ฝึก)

Saturday 30 July 2011

การสืบพันธุ์ของม้า

ม้านั้นเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ชนิดหนึ่ง การสืบพันธุ์ของม้าโดยปกติ จะอยู่ในช่วงหน้าร้อนที่มีช่วงเวลาของแสงแดดยาวนาน ซึ่งจะกระตุ้นให้ม้าตัวเมียตกไข่ เนื่องจากม้าตั้งครรภ์ นานกินเวลาประมาณ 11 เดือน ซึ่งถ้ามีการผสมพันธุ์ในหน้าหนาวจะทำให้ลูกที่เกิดขึ้น มีอัตราการรอดชีวิตที่ต่ำนั้นเอง ซึ่งสำหรับการผสมพันธุ์ของม้านั้น ถ้าเราต้องการที่จะกระตุ้นให้ม้าพร้อมผสมพันธุ์ เราสามารถที่จะช่วยกระตุ้นโดยการเปิดแสงไฟให้เหมือนกับช่วงเวลาที่มีแสงยาวนานก็ได้


การออกลูกของม้า โดยปกติแม่ม้าจะออกลูกครั้งละ 1 ตัว การดูแลแม่ม้าในช่วงที่จะออกลูก เราควรที่จะแยกแม่ม้าออกจากฝูง โดยย้ายมาไว้ในที่ที่เตรียมเป็นการเฉพาะ ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตตราการรอดชีวิตของลูกม้าด้วย ในฟาร์มหลายๆแห่งจะเตรียมอุปกรณ์ช่วยเหลือไว้สำหรับการออกลูก หรืออาจจะเรียกสัตวแพทย์ มาดูแลเป็นการเฉพาะ แม่ม้าส่วนใหญ่จะออกลูกในตอนกลางคืน หรือช่วงรุ่งเช้า ซึ่งในต่างประเทศ เจ้าของม้าหลายรายจะกล้องวงจรปิดในการดูแม่ม้าจะออกลูกหรือยัง ซึ่งในการออกลูกของม้า จะใช้เวลาไม่มาก ปกติจะไม่เกิน 30 นาที เมื่อออกลูกเสร็จแม่ม้าจะเลียลูกม้า เพื่อทำความสะอาดและ กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตของลูกม้า ซึ่งเป็นการสร้างสัมพันธ์ระหว่างลูกม้า กันแม่ม้า ไปในตัว

สำหรับการช่วยเหลือม้าในการคลอด หลังจากคลอดแล้วต้องตรวจสอบ รกให้ดีว่า มีหลงเหลือตกค้าง ในช่องคลอดหรือไม่ เพราะอาจจะทำให้แม่ม้าติดเชื้อ และเกิดการอักเสบได้ รกที่เหลือจากการคลอดนั้น ควรเก็บทิ้งให้ดี ให้ถูกสุขลักษณะ ถ้าไม่นำรกนั้นทิ้ง ปกติแม่ม้าจะกินรกนั้น ตามสัญชาติญาณที่ไม่ต้องการให้เลือดดึงดูดสัตว์นักล่านั้นเอง

ลูกม้าหลักจากคลอดเสร็จนั้น จะสามารถยืนและวิ่งได้ในระยะทางสั้นๆ ระหว่างที่ลูกม้ายังไม่โตนัก สำหรับคนที่ไม่มีความคุ้นเคยกันแม่ม้าอาจจะโดน ทำร้ายเอาได้ถ้าเกิดเข้าไปใกล้กันลูกม้าเกินไป ลูกที่เกิดใหม่ๆในช่วง 2 เดือนแรกจะกินนมจากแม่ จากหลังจากนั้น ลูกม้าจะต้องการอาหารอย่างอื่น เช่น ผัก และ ธัญพืชต่างๆ เพื่อเสริมน้ำนมจากแม่ม้า และปกติลูกม้าจะหย่านมเมื่อมีอายุได้ 4-8 เดือน ระหว่างที่ลูกม้าอายุยังไม่ถึง 2 เดือน ไม่ควรที่จะเอาเข้าไปรวมฝูกเพื่อความปลอดภัย และเพิ่มอัตราการรอดชีวิต

Tuesday 12 July 2011

สายพันธุ์ ม้า

ม้า นั้นมีหลายหลายสายพันธุ์ทั่วโลก การพัฒนาสายพันธุ์ของมามีมาอย่างยาวนานเป็น ร้อยปีมาแล้ว โดยในปัจจุบัน สายพันธุ์ของม้าทั่วโลกมีมากกว่า 300 สายพันธุ์
การแบ่งสายพันธุ์ของม้านั้น มีการแบ่งได้หลาย แบบ ด้วยกัน หลักๆแล้วจะแบ่งสายพันธุ์ม้า ได้ดังนี้คือ
แบ่งสายพันธุ์ตามอารมณ์ของม้า เป็น 3 ประเภท หลักๆ คือ
1. Hot Bloods
2. Warm Bloods
3. Cold Bloods
โดยสายพันธุ์ ม้า ประเภท Hot Bloods จะเป็นม้าที่มีความคล่องแค่ว ว่องไว ส่วน ม้า Cold Bloods จะเป็นม้าที่ค่อนข้างเชื่องช้า แต่ทนงานหนัก และ สุดท้ายคือ Warm Bloods ซึ่งเป็นลูกผสมที่ถูกพัฒนาขึ้น ระหว่างม้า Hot Bloods และ Cold Bloods โดยม้าสายพันธุ์ Warm Bloods นี้หลักๆแล้ว ถูกพัฒนาในแถบยุโรป เพื่อใช้ในการขี่ และใช้งานทั่วไป แล้วแต่สายพันธุ์

การแบ่งสายพันธุ์ม้าอีกอย่าง ก็คือ การแบ่งตามขนาดโครงสร้างของม้า ซึ่งปกติจะแบ่งตามความสูงของม้า โดยวัดความสูงถึงหลังม้าบริเวณที่ติดกับคอม้า โดยแบ่งเป็น 3 ประเภทคือ
1. Pony เป็นม้าขนาดเล็ก มีขนาดไม่เกิน 14.2 แฮนด์ (หน่อยวัดสำหรับม้า 1 แฮนด์ เท่ากับ 4 นิ้ว) หรือ 147 เซนติเมตร
2. Draft Horse เป็นม้าที่มีขนาดสูงกว่า 14.2 แฮนด์ (147 เซนติเมตร ) และมีน้ำหนักมากกว่า 1400 ปอนด์ นิยมใช้เป็นม้าที่ใช้งานบรรทุก ลากจูง
3. Light Horse เป็นม้าที่มีขนาดสูงกว่า 14.2 แฮนด์ (147 เซนติเมตร ) แต่มีน้ำหนักไม่เกิน 1400 ปอนด์ นิยมใช้เป็นม้าสำหรับขี่

สำหรับสายพันธุ์ม้าที่นิยมใช้ขี่ เดินทาง ขี่เล่นกีฬา ต่างๆ ได้แก่
ม้า พันธุ์อเมริกันแซดเดิล (American Saddle Horse)
ม้า พันธุ์อัพพาลูซา (Appaloosa)
ม้า พันธุ์อาหรับ (Arabian)
ม้า พันธุ์มอร์แกน (Morgan)
ม้า พันธุ์คลีฟแลนด์ เบย์ (Cleveland Bay)
ม้า พันธุ์พาโลมิโน (Palomino)
ม้า พันธุ์พินโต (Pinto)
ม้า พันธุ์เทนเนสซี วอล์คกิ้ง (Tennessee Walking)
ม้า พันธุ์เทอร์รับเบร็ด (Thoroughbred) เป็นต้น

Saturday 9 July 2011

ทำความรู้จักกับ ม้า

ม้า เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และเป็นสัตว์กินพืช ม้านั้นออกลูกเป็นตัว โดยปกติแล้ว ม้าจะออกลูกทีละ 1 ตัว ซึ่งม้านั้น มนุษย์รู้จัก และนำมาใช้ประโยชน์ มาอย่างยาวนาน ม้า ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกนี้เมื่อประมาณ 40 ล้านปีที่แล้ว และได้มีวิวัฒนาการ จนมีรูปร่างหน้าตาเป็นม้าในปัจจุบัน มนุษย์เราเริ่มนำม้า มาใช้ประโยชน์เมื่อประมาณกว่า 6000 ปี ที่แล้ว เนื่องจาก ม้า เป็นสัตว์ที่สามารถวิ่งได้อย่างรวดเร็ว และเป็นระยะทางไกลๆได้ การนำม้า มาเลี้ยงเกิดขึ้นเริ่มแรก ในแถบเอเชียกลาง โดยนำม้ามาใช้งาน ทั้งการลากจูง การบรรทุกของ การเกษตร ใช้เป็นพาหนะ ใช้ในการกีฬา รวมถึงนำมาใช้ในการสงคราม แต่ในปัจจุบันการใช้ ม้า นั้นมีลดลงอย่างมาก ซึ่งส่วนมากจะเหลือเพียงการใช้งาน ม้า เพื่อการกีฬาและสันทนาการ เท่านั้น สำหรับในประเทศไทย ม้าก็ได้ถูกใช้ประโยชน์ มากมาย เช่น การกีฬา ใช้ลากจูงรถม้า เป็นต้น

ม้า มี ชื่อทางวิทยาศาสตร์ คือ Equus caballus หรือ Equus ferus caballus สำหรับสายพันธุ์ ม้า นั้น ปัจจุบัน ได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ของ ม้า เป็นจำนวนมากหลายร้อยสายพันธุ์ทั่วโลก ม้าจะมีอายุเฉลี่ยประมาณ 25-30 ปี สำหรับการสืบพันธุ์ของม้านั้น แม่ม้าจะอุ้มท้องลูกม้าเป็นเวลา 11 เดือน ก่อนที่จะคลอดลูกม้าออกมา ซึ่งลูกม้าที่คลอดออกมาใหม่นั้น สามารถที่จะยืน และ วิ่งได้ระยะทางสั้นๆ ม้าที่เลี้ยงเพื่อใช้งานต่างๆ นั้นปกติ จะถูกฝึก เมื่อลูกม้ามีอายุ 2-4 ปี ซึ่งโดยปกติแล้ว ม้าจะโตเต็มที่ เมื่ออายุ 5 ปี